เมื่อซื้อรถบรรทุกมาแล้ว สิ่งสำคัญที่เจ้าของธุรกิจต้องทำต่อไป คือการติดตั้ง GPS ติดรถบรรทุก ในรถทุกคันของตัวเอง
แต่เราเชื่อว่าเจ้าของธุรกิจบางคน โดยเฉพาะกับคนที่เพิ่งเคยทำธุรกิจที่ต้องใช้รถบรรทุกเป็นครั้งแรก อาจจะสงสัยว่า GPS ติดรถบรรทุกสำคัญอย่างไร ทำไมต้องติดตั้ง? วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกัน
GPS ติดรถบรรทุก ช่วยให้ทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น
GPS ติดรถบรรทุกในสมัยนี้ ไม่ได้มีหน้าที่แค่บอกพิกัดรถเพียงอย่างเดียวแล้ว เพราะยังสร้างประโยชน์ในแง่มุมต่างๆ ให้คนทำธุรกิจได้อีกมากมาย เช่น
- ควบคุมการใช้รถผิดวัตถุประสงค์ หรือการทำผิดกฎของพนักงาน เช่น ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด ขับรถออกนอกเส้นทาง นำรถไปใช้เพื่อธุระส่วนตัว เขียนเบิกค่าน้ำมันไม่ตรงกับความเป็นจริง ลักลอบขโมยสินค้า เป็นต้น
- บันทึกการทำงาน และยืนยันตัวตนของพนักงานได้อย่างแม่นยำ เพราะ GPS ติดรถบรรทุก สามารถติดตั้งเครื่องมือที่เรียกว่า “เครื่องรูดใบขับขี่” เพิ่มเติมได้
- ช่วยสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน เพราะ gps ช่วยติดตาม บันทึก และส่งข้อมูลพฤติกรรมการขับขี่ที่เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ เช่น หลับตานานเกินไป เปลี่ยนเลนกะทันหัน ฯลฯ ไปยังศูนย์ควบคุมของบริษัทได้แบบเรียลไทม์
- ข้อมูลที่ได้จาก gps เช่น ปริมาณการใช้น้ำมัน เส้นทางการเดินรถ ระยะเวลาที่ถึงจุดหมาย ฯลฯ ทำให้เจ้าของธุรกิจสามารถนำมาใช้วางแผนงานใหม่ หรือพัฒนาแผนงานเดิมให้ดีขึ้นได้
สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจบริหารจัดการได้ง่ายขึ้น เพราะสามารถติดตาม ควบคุม และดูแลการทำงานของพนักงานได้อย่างใกล้ชิด เหมือนได้นั่งไปกับรถด้วย
กรมขนส่งกำหนดให้ต้องมี GPS ติดรถบรรทุก
นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบกยังได้กำหนดให้รถบรรทุกขนส่งที่จดทะเบียนใหม่ ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2559 เป็นต้นไป ต้องติดตั้งGPS ติดรถบรรทุกเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลสำคัญของผู้ขับขี่และตัวรถ เข้ากับศูนย์บริหารจัดการเดินรถของกรมการขนส่งทางบก ทุกๆ 1 นาที
โดยรถบรรทุกขนส่ง ที่ต้องติดตั้ง GPS ติดรถบรรทุก ได้แก่
- รถบรรทุกขนาดใหญ่ (10 ล้อขึ้นไป)
- รถลากจูง
- รถขนวัตถุอันตราย
ส่วนข้อมูลที่จำเป็นต้องเชื่อมโยงกับกรมการขนส่งทางบก มีดังนี้
- พิกัดตำแหน่งของรถที่มีความถูกต้อง แม่นยำสูง สามารถส่งข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ และบันทึกข้อมูลได้ไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง
- เส้นทางที่ใช้ขับขี่ในแต่ละครั้ง
- ข้อมูลของพนักงานขับรถที่ได้จากเครื่องรูดใบขับขี่
- จำนวนชั่วโมงในการขับรถ เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ผู้ขับขี่ขับรถต่อเนื่องได้ไม่เกิน 4 ชั่วโมง และต้องหยุดพักอย่างน้อย 30 นาทีก่อนเริ่มขับต่อ หากขับรถเกินกำหนด จะมีความผิดตาม พ.ร.บ. การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 127 ต้องโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท หรือถูกสั่งพักใบอนุญาตขับขี่สูงสุด 180 วัน
- ความเร็วในการขับขี่ เพราะกฎหมายกำหนดให้รถบรรทุกใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. รถลากจูงไม่เกิน 60 กม./ชม. และรถโดยสารไม่เกิน 80 กม./ชม. หากรถคันใดขับเร็วเกินกำหนด ต่อเนื่อง 2 นาทีขึ้นไป จะมีความผิดตาม พ.ร.บ. การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 111 และ พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 67 มีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท
- พฤติกรรมการขับรถที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
อย่างไรก็ตาม นอกจากจะติดตั้ง GPS ติดรถบรรทุกแล้ว เจ้าของธุรกิจควรดูแลให้ระบบ gps ทำงานได้อย่างต่อเนื่องด้วย เพราะ gps เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ใช้ในการต่ออายุทะเบียนรถบรรทุก
GPS ติดรถบรรทุกคือการลงทุนที่คุ้มค่า
เมื่อ GPS ติดรถบรรทุก ช่วยให้เจ้าของธุรกิจทำงานได้ง่ายขึ้น และเป็นสิ่งที่กฎหมายกำหนดให้ต้องมี จึงนับว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่จะลงทุน เพราะจ่ายเงินเพียงครั้งเดียว ก็สามารถทำให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี
แต่ทั้งนี้ เพื่อความคุ้มค่าที่มากที่สุด เจ้าของธุรกิจควรเลือกใช้GPS ติดรถบรรทุก ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากกรมการขนส่งทางบก ให้บริการโดยบริษัทที่น่าเชื่อถือ และถูกออกแบบมาเพื่อรถบรรทุกโดยเฉพาะ เช่น GPS ติดรถบรรทุกรุ่น SWR PROและSW Plus จาก DTC